12.16.2552

Checklist ความชรา และ 100 วิธีสวยสุขภาพดี

คุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ส่อเค้าใกล้จะหมดสวยแล้วหรือเปล่า

1. ราตรีนี้อีกยาวไกล ยิ่งดึกยิ่งตาสว่าง ทำยังไงก็หลับไม่ลงเสียที
2. รู้ทั้งรู้ว่าต้องดื่มน้ำมาก ๆ แต่ไม่เคยดื่มได้ถึงวันละ 8 แก้วหรอกนะ
3. เป็นสิงห์อมควันตัวฉกาจ
4. สาวคอแข็ง ดื่มเท่าไรก็ไม่เมา
5. นั่งอยู่ในตึกทั้งวันจะทาครีมกันแดดให้เปลืองไปทำไม
6. สู้งานไม่หวั่น ให้บุกน้ำลุยไฟ ท้าแดดท้าลมก็ไม่สบายมาก
7. สาวผู้ไม่ปล่อยวาง นักยึดติดทุกสิ่งอย่างไว้กับตัว
8. สาวกมีทเลิฟเวอร์ ผู้ปฏิเสธผักและผลไม้ทุกชนิด
9. ฝันถึงการออกกำลังกายเสมอ แต่ไม่เคยลงมือทำเสียที
10. รู้นะว่าฟาสต์ฟู้ดไม่ดี แต่ไม่มีเวลากินอย่างอื่นนี่นาทำยังไงได้

ถ้าคำตอบของคุณ คือ "ใช่" เกินกว่า 5 ข้อ รีบหยิบกระจกมาส่องมองหาความหมองคล้ำ หรือริ้วรอยบนใบหน้าได้เลยค่ะ

"ผม" ต้องแคร์
To do
การหวีผมด้วยแปรงก่อนนอนทุกวัน วันละ 10 นาที ทำให้ผมเงางาม เพราะช่วยกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมมากขึ้น
ควรเช็ดผมให้หมาดก่อนดราย เพื่อป้องกันให้ผมร่วง แห้ง และแตกปลาย
เลือกใช้แชมพูที่เป็นกลางจะมีค่า PH 7 ซึ่งเหมาะกับเส้นผมทุกชนิดถึงแม้จะสระผมบ่อยก็จะไม่ทำให้ผมแห้ง

To eat
ไข่ นมพร่องมันเนย ถั่วเหลือง อุดมด้วยโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นให้ผมยาวเร็วและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผม
ลูกพรุน และอาหารทะเล มีแร่ธาตุทองแดงซึ่งช่วยให้รากผมแข็งแรง
กรดแพนโทเทนิคในผักสีเขียว เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ปลา ไข่แดง และธัญพืช ทำให้เส้นผมเจริญงอกงาม ชุ่มชื้นและรักษาเส้นผมให้นุ่มสลวยอย่างเป็นธรรมชาติ
แครอทมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสุขภาพผมให้แข็งแรง
น้ำมันงาและถั่วแดงช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำเงางามและลดการเกิดผมหงอกได้
สาหร่ายมีไอโอดีนทำให้เส้นผมดกดำเป็นเงางาม

Secret Recipe

สูตรเปลี่ยนสีผมสีน้ำตาลธรรมชาติ สระผมให้สะอาดแล้วนำเบียร์สด (ชนิดไม่แช่เย็น) 1 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำมะนาวคั้นสด 1/2 ถ้วยตวง ชโลมให้ทั่ว คลุมผมด้วยหมวกพลาสติกพักไว้ 1-2 ชั่วโมง ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วล้างน้ำสุดท้ายด้วยน้ำมะนาวคั้นสด 1 ผล เกลือทะเลบด 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำสะอาด 2 แก้ว ทำทุกวัน 1-2 สัปดาห์
หมักผมด้วยกล้วยหอมบดกับน้ำมันมะกอกประมาณ 15 นาทีก่อนสระผมสัปดาห์ละครั้ง ช่วยให้ผมสลวยเป็นเงางาม
ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ หมักผมประมาณ 30 นาที ก่อนสระผม ช่วยให้ผมนุ่มสลวย ลดการแตกปลาย



TO BE CONTINUE... .
:}

11.08.2552

ทำแชมพูสมุนไพรใช้เอง*

ขิง (Ginger) แก้ผมร่วง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่ได้ดีขึ้นวิธีใช้ : นำเหง้าสดมาเผาไฟ ทุบให้แตกผสมน้ำนำไปขยี้ให้ทั่วศีรษะ วันละ 2 ครั้ง ประมาณ 3 วัน หรือนำขิงแก่ 1 เหง้า ขนาดเท่าฝ่ามือตำให้ละเอียด ห่อด้วยผ้าขาวบางเป็นลูกประคบ วางบนหม้อประคบที่ต้มน้ำจนเดือด เมื่อลูกประคบร้อนนำไปประคบบริเวณผมร่วง ทำวันละ 2 ครั้ง 20-30 นาที 3-5 วัน จะเห็นผล

ตะไคร้ (Lemon Grass) แก้ผมแตกปลาย ขจัดรังแค ทำให้ผมดกดำวิธีใช้ : ใช้ต้นตะไคร้ 3-4 ต้น หั่นเป็นชิ้นแล้วตำ คั้นเอาน้ำมาใช้นวดหลังสระผมทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก ทำทุกครั้งหลังสระผม จะเห็นผลภายใน 2 เดือน

ฟ้าทลายโจร แก้ผมร่วง วิธีใช้ : นำมาต้มกับน้ำ หลังสระผม ชโลมให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงล้างออก

มะกรูด (Kaffir Lime) ทำให้ผมดกดำ นิ่มสลวย ขจัดรังแค แก้ผมร่วงวิธีใช้1. มะกรูด 1 ผลผ่าซีก ต้มกับน้ำ 2 แก้วให้เดือดยกลงจากเตา ทิ้งไว้ 5 นาที บีบเอาน้ำมะกรูด กรองเอาเนื้อและกากออก นำน้ำที่ได้ไปสระผม ผมจะนิ่มสลวย2. ผลมะกรูด 1 ผลบีบเอาแต่น้ำ นำมาผสมหัวกะทิ กวนให้เข้ากันใช้ขยี้ให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ 10 นาที แล้วจึงล้างออก ทำวันละครั้งติดต่อกัน 7 วัน ผมจะดกดำ3. ผลมะกรูด 1 ผล เผาไฟให้ร้อน คั้นเอาน้ำใช้ขยี้บนศีรษะให้ทั่วทิ้งไว้ 2-3 นาที ล้างออกให้สะอาด ช่วยขจัดรังแค

มะพร้าว (Coconut) ทำให้ผมนิ่ม รักษาผมแห้งแตกปลายวิธีใช้ : บีบเนื้อมะพร้าวเป็นกะทิ นำไปเคี่ยวจนได้น้ำมัน ใช้นวดเส้นผม ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงสระออก

ว่านหางจระเข้ ทำให้ผมลื่น หวีง่าย นุ่มสลวย รักษาแผลบนหนังศีรษะวิธีใช้ : ใช้ใบแก่ที่มีน้ำเมือกมาก ล้างให้สะอาด แช่ในน้ำอุ่น 5-10 นาที ให้ยางสีเหลืองไหลออกให้หมด เอามีดเฉือนหนามออกทั้งสองข้าง ผ่าเนื้อวุ้นออกเป็น 2 ซีก นำน้ำวุ้นที่ได้มาทาผมแทนการใส่น้ำมัน หรือนำเนื้อวุ้นที่ได้มาใส่เครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียดน้ำวุ้นที่ได้ใช้หมักผมทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก

10.08.2552

,, วิธีเพิ่มความจำดีๆ *

1. ออกกำลัง นาน 20-30 นาที อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์

2. ฝึกคลายเครียด การฝึกสมาธิ ไทเกก(ชี่กง-ไทจี้) โยคะ ซึ่ง ช่วยทำให้การหายใจเข้า-ออกช้าลงอย่างน้อย
วันละ 10 นาที

3. ฝึก แสดงความชื่นชม การแสดงความชื่นชมควรเน้นที่การกระทำ ไม่ว่าใครทำอะไร ดีๆ ควรแสดงความชื่นชมเสมอ

4. หา เครือข่ายสังคม

5. ใช้ปฏิทิน วางแผนว่า จะทำอะไรก่อนหลังลงบนปฏิทิน อย่าปล่อยให้เรื่องวุ่นๆ รกสมองจนล้นทะลัก

6. ลำดับ ความสำคัญ (list) เขียนไปเลยว่า จะทำอะไรก่อน-หลัง(ตามความรีบ ด่วน)

7. ให้ รางวัลตัวเองบ้าง เวลาเราทำอะไรดีๆ สำเร็จ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ควรฝึก ให้รางวัลตัวเอง

8. นอน ให้พอ ควรนอนวันละ 7 ชม.

9.21.2552

,,ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดา*


เส้นผม >> เพียงแค่นำผงฟูหนึ่งช้อนชามาผสมแชมพู แล้วนำไปสระผมตามปกติ สูตรนี้จะช่วยขจัดสารตกค้างจากผลิตภัณฑ์แต่งผม และขอบอกอีกสักนิดว่าสูตรนี้เหมาะสมกับผมเส้นเล็กนะจ๊ะ

ขัดหน้า >> ผสมผงฟูครึ่งช้อนชากับ cleanser ที่น้องๆ ใช้อยู่ เมื่อหน้าเปียกหมาดๆ ให้นำส่วนผสมที่เตรียมไว้แล้วมานวดให้ทั่วใบหน้า และล้างออกด้วยน้ำสะอาด แต่ถ้าน้องๆ มีปัญหาสิว ให้เพิ่มยาแอสไพรินหนึ่งเม็ดที่บดเรียบร้อยแล้วเข้าไปด้วย เพราะในยาชนิดนี้มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก ที่จะเป็นตัวช่วยกำราบแบคทีเรียได้

หวีและแปรง >> เทน้ำอุ่นเทลงในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วเติมผงฟูลงไป 2-3 ช้อนโต๊ะ แช่หวีและแปรงทิ้งไวั้ประมาณ 2-3 นาที หลังจากนั้นนำไปล้างด้วยน้ำสะอาด และพึ่งแดดให้แห้ง ซึ่งวิธีจะเป็นการขจัดสารที่ตกค้างอยู่ให้ออกไป


ฟัน >> ถ้าน้องๆ ต้องการให้ฟันของตัวเองขาวสะอาดล่ะก็ ต้องเอาวิธีนี้ของพี่ปัดไปใช้เลยจ้ะ เพียงแค่แปรงฟันด้วยผงฟูประมาณ 2 นาที แม้ว่ารสชาติจะไม่ค่อยดีนัก แต่พี่ปัดรับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้มันคุ้มค่าจริงๆ

ผิว >> ผิวจะนุ่มน่าสัมผัสมากขึ้น ถ้าน้องๆ ลองนำผงฟูประมาณหนึ่งหยิบมือเติมลงในน้ำอุ่น แล้วแช่มือไว้ประมาณ 2-3 นาที หลังจากนั้นล้างมือด้วยน้ำสะอาด

9.02.2552

,, วันสาร์ทจีน*



วันสาร์ทจีน
เมื่อวานนี้คนไทยเชื้อสายจีน ต่างจับจ่ายของที่ต้องเตรียมตัวในการไหว้ จะเห็นได้จากตามห้างสรรพสินค้าหรือตามตลาดคนไทยเชื้อสายจีน และวันนี้ก็เป็นวันไหว้ คิดว่าหลายคนยังไม่ทราบว่า วันสาร์ทจีน มีความสำคัญอย่างไร และมีความเป็นมาอย่างไร ทนายคลายทุกข์ จึงค้นหาที่มาของวันสาร์ทจีนมาเพื่อให้ท่านที่ยังไม่ทราบประวัติว่ามีความเป็นมาอย่างไร



ตามปฏิทินจีนโบราณ เดือน 7 ถือเป็นเดือนสำคัญที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษโดยพิธีเซ่นไหว้ หญิงที่แต่งงานแล้ว ต้องกลับมาเซ่นไหว้ที่บ้านเดิม

ต่อมาเรื่องนี้ได้ไปปะปนกับเรื่องของพระโมคคัลลานะ ที่ช่วยมารดาให้พ้นจากนรก จึงมีความเชื่อว่าเป็นเวลาที่ประตูนรกนั้นได้ถูกเปิด เพื่อให้บรรดาภูตผีออกเร่ร่อนตามสถานที่ต่างๆ ชาวจีนจะมีการเซ่นไหว้เพิ่มขึ้นมาอีกพิธีหนึ่ง คือ ในตอนเช้าจะเซ่นไหว้เจ้าที่ และเซ่นไหว้บรรพบุรุษ

ตอนบ่ายจะเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติ หรือบรรพบุรุษต้นตระกูลของชาวจีน ที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ไม่มีลูกหลานสืบสกุล แต่ในบางแห่งก็นิยมไหว้ในตอนเช้าด้วยเช่นกัน ประเพณีนี้ได้ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนาน

ในรอบหนึ่งปีชาวจีนจะมีไหว้เจ้าใหญ่ 8 ครั้ง เรียกว่าไหว้ 8 เทศกาลโป๊ะโจ่ย การไหว้สารทจีนเป็นการไหว้ครั้งที่ 5 ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งถือกันว่าเป็นเดือนผี เป็นเดือนที่ประตูนรกปิดเปิด ให้ผีทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้

ตำราจีนหนึ่งกล่าวไว้ว่า วันที่ 15 เดือน 7 เป็นวันที่เช็งฮีไต๋ตี๋จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์ และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้าย จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ นรกจึงเปิดประตู เพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญได้


การไหว้
การไหว้ในเทศกาลสารทจีนต่างจากการไหว้ในเทศกาลอื่นๆ ตรงที่แบ่งการไหว้ออกเป็น 3 ชุด
ชุดแรก สำหรับไหว้เจ้าที่
จะไหว้ในตอนเช้า มีอาหารคาวหวาน ขนมไหว้ก็ใช้ ถ้วยฟู กุ้ยไช่ ซึ่งต้องมีสีแดงแต้มเป็นจุดเอาไว้ ส่วนขนมไหว้พิเศษที่ต้องมี ซึ่งเป็นประเพณีของสารทจีน คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงิน กระดาษทอง

ชุดที่สอง สำหรับไหว้บรรพบุรุษ
คล้ายของไหว้เจ้าที่ พร้อมด้วยกับข้าวที่ บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียมต้องมีน้ำแกง หรือขนมน้ำใสๆ วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชา จัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ ถ้าเป็นคนมีฐานะก็นิยมไหว้โหงวแซ คือมี เป็ด ไก่ หมู ตับ ปลา พร้อมด้วยกับข้าวอีกหลายอย่าง แล้วแต่ว่าจะจัดที่บรรพบุรุษชอบ หรือจะจัดแบบที่ลูกหลานคนที่ได้กินจริงชอบ

แต่ตามธรรมเนียมการไหว้บรรพบุรุษ ต้องมีของน้ำสำหรับซดให้คล่องคอ จะเป็นน้ำแกงก็ได้ หรือเป็นขนม น้ำใส ๆ เช่น อี๊ (คือขนมบัวลอย) ก็ได้ วางเคียงกับชามข้าวสวยและน้ำชา ของหวานก็มี ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง

ชุดที่สาม สำหรับไหว้วิญญาณพเนจร
ผีไม่มีญาติ ซึ่งไม่มีลูกหลานกราบไหว้ เรียกว่า ไป๊ฮ้อเฮียตี๋ หรือบางแห่งเรียกว่า ฮ้อเฮียตี๋

จะต้องไหว้นอกบ้าน ของไหว้มีทั้งของคาวหวาน กับผลไม้ตามต้องการ และที่พิเศษคือ มีข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทองแบบเฉพาะ ที่เรียกว่า อ่วงแซจิว จัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้

พิธีไหว้
การไหว้เจ้าที่ จะไหว้ก่อนในตอนเช้า เผากระดาษเงินกระดาษทองจนเรียบร้อย สายๆ จึงตั้งโต๊ะไหว้บรรพบุรุษและไหว้ฮ้อเฮียตี๋ บางบ้าน
นิยมไหว้ตอนบ่าย ถ้าไหว้พร้อมกัน ให้ตั้งโต๊ะแยกจากกัน แต่เผากระดาษเงินกระดาษทองร่วมกันได้

สำหรับการไหว้ขนมเข่งขนมเทียนในเทศกาลสารทจีนนี้ ที่เมืองจีนไม่มี ขนมที่ใช้ไหว้ที่เมืองจีนจะเป็นขนม 5 อย่าง เรียกว่า ?โหงวเปี้ย? หรือ เรียกชื่อเป็นชุดว่า ปัง เปี้ย หมี่ มั่ว กี

ปัง คือ ขนมทึงปัง เป็นขนมที่ทำจากน้ำตาล
เปี้ย คือ ขนมหนึงเปี้ย คล้ายขนมไข่
หมี่ คือ ขนมหมี่เท้า ทำจากแป้งข้าวเจ้า ข้างในไส้เต้าซา
มั่ว คือ ขนมทึกกี่ เป็นขนมข้าวพองสีแดง ตรงกลางมีไส้เป็นแผ่นบาง
กี คือ ขนมทึงกี ทำเป็นชิ้นใหญ่ยาว เวลาจะกินต้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆ

เนื่องจากที่เมืองไทยหาส่วนผสมที่ใช้ทำขนมทั้งห้านี้ไม่ได้ครบถ้วน จึงงดไป แล้วเปลี่ยนมาเป็นการไหว้ขนมเข่ง ขนมเทียน ในการไหว้เทศกาลสารทจีนแทน

8.28.2552

,,น้ำหอม*

การเลือกใช้น้ำหอมอย่างเหมาะสม เราควรเลือกกลิ่นหอมที่เข้ากับบุคลิกของตัวเองนับว่าดีที่สุด น้ำหอมแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยระดับความเข้มข้นของกลิ่นหอมดังนี้


โคโลญจน์ หรือ Eau de Cologne เป็นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในปริมาณ 3-5%
ทอยเล็ตต์ หรือ Eau de Toilette เป็นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในปริมาณ 4-8%
เพอร์ฟูม หรือ Eau de Parfum เป็นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในปริมาณ 15-18% ซึ่งจะมีกลิ่นติดทนนานที่สุด

เคล็ดลับในการแต้มน้ำหอม


ให้ป้ายหรือฉีดน้ำหอมในบริเวณที่เป็นจุดชีพจร โดยมากจะเป็นบริเวณข้อมือหรือลำคอ และบางครั้งบริเวณข้อพับที่แขนหรือขาพับก็เป็นที่นิยม ในขณะที่การแตะน้ำหอมบริเวณหลังใบหูนั้นความหอมของน้ำหอมจะไม่ติดอยู่ทนนาน เนื่องจากแอลกอฮอล์ระเหยได้รวดเร็วนั่นเอง
การถูข้อมือที่แต้มน้ำหอม 2 ข้างเข้าด้วยกัน ไม่ได้ช่วยให้ความหอมนั้นทั่วถึง แต่ที่จริงแล้วจะทำให้น้ำหอมมีกลิ่นหอมอ่อนลง
การฉีดสเปรย์น้ำหอมในอากาศแล้วใช้วิธีเดินผ่านนั้น จะช่วยให้กลิ่นหอมกระจายติดตัวเราได้ทั่วดี
พยายามอย่าใช้โลชั่นที่มีกลิ่นหอมก่อนหน้าที่จะใช้น้ำหอมเนื่องจากกลิ่นจะตีกัน
ใช้น้ำหอมมากหน่อยหากคุณเป็นคนผิวแห้ง เนื่องจากผิวมันมีน้ำมันช่วยคงกลิ่นให้ติดอยู่ยาวนาน
ในขณะเดียวกันหากใส่น้ำหอมแล้วต้องอยู่ในที่อากาศเย็นให้เลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นแรงกว่าปกติ เนื่องจากความเย็นหรืออุณหภูมิต่ำจะลดกลิ่นหอมของน้ำหอมให้ลดน้อยลงกว่าที่เป็น การฉีดน้ำหอมทันทีหลังจากที่อาบน้ำเสร็จใหม่ๆ จะช่วยทำให้กลิ่นหอมติดทนนานกว่าปกติ

ข้อควรระวังในการใช้น้ำหอม


ต้องระวังเครื่องประดับทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ เข็มกลัด เข็มขัด เป็นต้น เนื่องจากแอลกอฮอล์และเคมีบางอย่างที่เป็นองค์ประกอบของน้ำหอมจะมีผลต่อวัตถุดิบบางชนิด
ที่จริงแล้วลักษณะในการใส่น้ำหอมยังมีผลต่อวัตถุดิบบางชนิด อาทิ น้ำมันที่มีผลกับผ้าซาติน หรือแม้แต่ผ้าฝ้ายแบบฟอก การฉีดน้ำหอมใกล้กับเสื้อผ้ามากเกินไป ทำให้แอลกอฮอล์ปริมาณเข้มข้น ติดอยู่กับเสื้อผ้ามาก
ดังนั้น การฉีดน้ำหอมควรทำห่างจากตัวอย่างน้อย 30 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้น้ำหอมทิ้งจุดด่างหรือรอยเปียกของน้ำมันเอาไว้บนเสื้อผ้า ทางที่ดีที่สุดอย่าฉีดโดยตรงลงบนเสื้อผ้าจะดีกว่า ส่วนเครื่องประดับที่มักจะเกิดปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ที่อยู่ในน้ำหอมนั้น มักจะเป็นโลหะผสมพวกโรเดียม
ไม่เพียงเท่านั้นเครื่องเพชรพลอย อัญมณีหรือแม้แต่ไข่มุกก็ตามนั้นมีส่วนหมองคล้ำจากการได้รับละอองสเปรย์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อีกด้วย

8.09.2552

วันแม่แห่งชาติ*

วันแม่แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยริเริ่มเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2519 โดยคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จนถึงปัจจุบัน
สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอก
มะลิ ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย

ความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย

งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ.สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน
ต่อมา
สมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ ดอกมะลิ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

7.14.2552

La Fête Nationale*

วันชาติฝรั่งเศสตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันแห่งการปฎิวัติการปกครอง
จากระบบเจ้าขุนมูลนายไปสู่การปกครองในระบอบสาธารณรัฐ โดยประชาชนทั่วทั้งประเทศ
ได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองแบบยุกโบราณจนกระทั้งได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกจากบุกเข้าทลาย
คุกบาสติลที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ประชาชน เมื่อ 209 ปีก่อนและนำไปสู่การล้มล้าง
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้สำเร็จ โดยสมัชชาแห่งชาติได้กำหนดโครงสร้างกฏหมายฉบับใหม่
ที่ยกเลิกการให้ความมีเอกสิทธิ์ ขจัดเรื่องสินบนและล้มเลิกระบบฟิวดัล(ระบบศักดินา) จากนั้นต่อมา
จึงมีการจัดงานฉลองแห่งชาติขึ้นเรียกว่า "The Feast of the Federation" เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี
ของเหตุการณ์จลาจลที่กองกำลังแห่งชาติจากทั่วประเทศได้เดินทางรวมพลกันที่ "Champs-de-Mars"
ในกรุงปารีส แต่พอหลังจากนั้นการจัดงานฉลองเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ของวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2332
ก็ต้องหยุดไปเนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศยังคงไม่สงบเกิดสงครามปฏิวัติขึ้นหลายครั้งในช่วง
ระยะเวลาปี พ.ศ.2335-2345 และมาในสมัย "the Third Republic*"นี้เอง รัฐบาลจึงได้มีความคิดที่จะ
รื้อฟื้นการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่ โดยมีการผ่านร่างกฎหมายฉบับเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม
พ.ศ.2423 ขึ้นมา ซึ่งกำหนดให้วันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปีเป็น "วันชาติฝรั่งเศส"และได้จัดงานเฉลิมฉลอง
ครั้งแรกขึ้นในปีเดียวกันนั้น

ทั้งนี้งานจะเริ่มตั้งแต่ค่ำของวันที่ 13 โดยจะมีการแห่คบเพลิงและล่วงเข้าวันรุ่งขึ้นเมื่อระฆังตามโบสถ์
วิหารต่าง ๆ หรือเสียงปืนดังขึ้นนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่างานฉลองได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ
เริ่มจากริ้วขบวนการสวนสนามของเหล่าทัพ จากนั้นเมื่อถึงช่วงเวลากลางวันประชาชนจะร่วมฉลองด้วยการ
เต้นรำอย่างรื่นเริงสนุกสนานไปตามท้องถนนและมีการจัดเลี้ยงกันอย่างเอิกเกริกจนถึงเวลาค่ำ ซึ่งสิ่งที่ขาด
ไม่ได้ก็คือการจุดพลและการละเล่นดอกไม้ไฟที่ถือประเพณีปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีสิ่งสร้าง
ความบันเทิงอื่น ๆ อีกมากมายที่จัดขึ้นทั่วประเทศทั้งการจัดการแข่งขันกีฬา การจัดนิทรรศการ งานแสดง
สินค้า โดยไม่มีชาวฝรั่งเศสคนใดจะละเลยไม่นึกถึงและร่วมฉลองในวันสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศครั้งนี้

6.29.2552

,,วันอาสาฬหบูชา*


วันอาสาฬหบูชา หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมที่ทรงตรัสรู้เป็นครั้งแรก จึงถือได้ว่าวันนี้เป็นวันเริ่มต้นประกาศ
พระพุทธศาสนาแก่ชาวโลก และด้วยการที่พระพุทธเจ้าทรงสามารถ แสดง เปิดเผย ทำให้แจ้ง แก่ชาวโลก ซึ่งพระธรรมที่ทรงตรัสรู้ได้ จึงถือได้ว่าพระองค์
ได้ทรงกลายเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์ คือทรงสำเร็จภารกิจแห่งการเป็นพระพุทธเจ้าผู้เป็น "สัมมาสัมพุทธะ" คือทรงเป็น
พระพุทธเจ้าผู้สามารถแสดงสิ่งที่ทรงตรัสรู้ให้ผู้อื่นรู้ตามได้ ซึ่งแตกต่างจาก "พระปัจเจกพุทธเจ้า" ที่แม้จะตรัสรู้เองได้โดยชอบ แต่ทว่าไม่สามารถสอน
หรือเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ตามได้ ด้วยเหตุนี้วันอาสาฬหบูชาจึงมีชื่อเรียกว่า "วันพระธรรม"

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่ท่านโกณฑัญญะได้บรรลุธรรมสำเร็จพระโสดาบันเป็นพระอริยบุคคลคนแรก และได้รับประทานเอหิภิกขุอุปสมบทเป็นพระสงฆ์องค์แรก
ในพระศาสนา และด้วยการที่ท่านเป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกในโลกดังกล่าว พระรัตนตรัยจึงครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก ด้วยเหตุนี้วันอาสาฬหบูชาจึง
มีชื่อเรียกว่า "วันพระสงฆ์"
ดังนั้น วันอาสาฬหบูชาจึงถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนาดังกล่าว ซึ่งควรพิจารณาเหตุผลโดยสรุปจาก

ประกาศสำนักสังฆนายกเรื่องกำหนดพิธีอาสาฬหบูชา ที่ได้สรุปเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวันอาสาฬหบูชาไว้โดยย่อ ดังนี้


เป็นวันแรกที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา
เป็นวันแรกที่พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมจักร์ ประกาศสัจจธรรม อันเป็นองค์แห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ
เป็นวันที่พระอริยสงฆ์สาวกองค์แรกบังเกิดขึ้นในโลก คือ
พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้รับประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา ในวันนั้น
เป็นวันแรกที่บังเกิดสังฆรัตนะ สมบูรณ์เป็น
พระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ

6.05.2552

,, วิธีการใช้ L'Imparfait *

วิธีการใช้ L'Imparfait

*กิริยาถูกแบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ สภาพ หรือเป็น แอ๊กชั่น

**สภาพคือเหตุการณ์ที่เห็นแล้วค่อยๆดำเนินไปอย่างช้าๆ หรือเกิดขึ้นเป็นเวลานาน เช่น สภาพเสื้อผ้าที่ใส่ สภาพอากาศ เป็นต้น

***แอ๊กชั่นคือเหตุการณ์ที่เห็นว่าเกิดขึ้นแล้วจบลงทันที เช่น กระโดดถีบ วิ่ง เข้ามา ออกไป เป็นต้น

1.ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เป็นสภาพในอดีต เช่น
Hier, il faisait beau. Le soliel brillait. Le ciel était bleu et les oiseaux chantaient.
เมื่อวานนี้ อากาศดี ดวงอาทิตย์ส่องแสง ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าและเหล่านก็ร้องเพลง

2. บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ หรือเป็นนิสัยในอดีต เช่น
L'année dernière, je me levais à 7 heures tous les jours. Mais maintenant, je me lève à 9 heures.
เมื่อปีที่แล้ว ฉันตื่น 7 โมงเช้าทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้ฉันตื่น 9 โมง

3. บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน เช่น
Ayuthaya était la capitale de la Thaïlande.
อยุธยาเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย

4. บรรยายเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นควบคู่กัน (หรือใช้เวลานานพอๆกัน) เช่น
Les parents regardaient la télévision pendant que nous faisions nos devoirs.
พ่อแม่ดูโทรทัศน์ในขณะที่พวกเราทำการบ้าน

5. ใช้คู่กับ Le passé composé
- เหตุการณ์ที่เกิดก่อนและกำลังดำเนินอยู่ใช้ L'Imparfait
- เหตุการณ์ที่มาเกิดตัดเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ และจบลงทันที ใช้ Le passé composé เช่น Maman lisait le journal quand je suis entré.
l'imparfait Le passé composé
แม่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อฉันเข้ามา

6. Si + Imparfait เป็นการเสนอแนะ เช่น
Si nous allions voir Anna ce soir ?
เราไปหาอันนากันมั้ยเย็นนี้
Si tu t'habillais comme ça.
เธอน่าจะแต่งตัวแบบนี้นะ

5.19.2552

,,เปิดเทอมแล้ว แล้ว แล้ว*

เปิดเทอมมาสองวันละ 555
ยังคิดว่าปิดเทอมอยู่
= =

ทำไมน้องม.1 เปนงี้กันทุกปี 555+
เห็นแล้วขำจริงๆ ไม่ไหวๆๆ

เฮ้อ!!
อีกไม่กี่เดือน
อ่านหนังสือ
ฟิต ฟิต ฟิต!!!!!!!!!!!!!!!!!!~


กลัวจัง
:'(

4.17.2552

Songran Festival*

โอ๊ะโอออ!!

สงกรานต์ก็ผ่านกันไปล้ะ
ดำกันถ้วนหน้าเลยไง

5555 5


หน้าเน่อนี่ไหม้หมด

แต่ปีนี้สงกรานต์สนุกได้อีกสิ

^^

2.26.2552

final exam!!

โอ้วว ว ว
ในที่สุดก็สอบหมดไปแล้ว

เหลือฝรั่งเศสอย่างเดียวแล้ว
พุ่งนี้แล้ว
ตายแล้ว!
555+


จะผ่านมั้ยเนี่ยยๆๆๆ

- -*


สู้ตายเพื่อนๆๆๆ!!

2.06.2552

,, VALENTINE'S DAY*


ประวัติวันวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์
จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอ
ในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์
ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้น
จะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอด
ต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงใน
เศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก
แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่ม
และเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด

ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลาย ครั้ง
และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม
และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป
และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม
ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัย
ของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ
เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ
ด้วย

และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศีรษะ
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมาน
และเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์



นักบุญวาเลนไทน์

นักบุญวาเลนไทน์ ทำให้จักรพรรดิที่โรมเกิดความสำนึก และผู้พิพากษาได้กลับใจมาเป็นคาทอลิกเพราะ
ท่านนักบุญทำให้บุตรสาวของเขาหาย จากตาบอด

วา เลนไทน์ บวชเป็นพระสงฆ์ที่กรุงโรมและได้เป็นพระสังฆราชในเวลาต่อมา ท่านได้ถูกจับโดยคำสั่ง
ของจักรพรรดิโกลดิโอ ที่ 2 เพราะท่านขึ้นชื่อลือเด่นในทางบำเพ็ญฤทธิ์กุศลหลายประการขั้นแรกจักรพรรดิ
ทรงซักถามวาเลนไทน์ด้วยความมักรู้มักเห็น แต่ต่อมาทรงรู้สึกสนพระทัยในคำสอนของคริสตัง ที่สุด
พระองค์ตรัสว่า : “คำสอนของบุรุษผู้นี้ฟังแล้วจับใจจริง ๆ “ แต่ในขณะที่พระองค์ทรงเริ่มมีความเชื่อ
ท่านผู้ว่าราชการกรุงโรมก็จัดให้ผู้พิพากษานายหนึ่งเข้ามาซักถามท่านวาเลน ไทน์ ผู้พิพากษาคนนี้เยาะเย้ย
ท่านในเรื่องที่คริสตังชอบกล่าวว่า “พระคริสต์ทรงเป็นองค์ความสว่างของโลก”

ลูกสาวของผู้ พิพากษาคนนี้ตาบอด วาเลนไทน์ได้ทำอัศจรรย์ให้หาย อัสเตริอุส ผู้พิพากษาจึงกลับใจเชื่อ
ถึงพระเยซูคริสตเจ้า เมื่อเห็นดังนั้น ท่านผู้ว่าราชการเกิดความอิจฉา และต้องการกำจัดท่านวาเลนไทน์
จึงจับท่านวาเลนไทน์ไปขังไว้ในคุกมืด แล้วใช้ไม้เป็นปุ่มเป็นตาเฆี่ยนท่านอย่างสาหัส ที่สุดนำท่านไปตัด
ศีรษะ นักบุญวาเลนไทน์ เป็นองค์อุปถัมภ์ของชาวเมืองตารัสก็อง (ภาคใต้ของฝรั่งเศส)

1.15.2552

,, วันครู*

ครู หมายถึงผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ

ประวัติความเป็นมา วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500
สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488
ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า"คุรุสภา" ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคลและ
ให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกัน
ก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นในเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ
จัดสวสัดิการให้แก่ครูและครอบครัว ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคี
ของครู ด้วยเหตุนี้ในทุกๆปี คุรุสภาจึงจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทน
ครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆเกี่ยวกับการดำเนิน
งานของคุรุสภา โดยมี คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้
หอประชุม"สามัคคยาจารย์"หอประชุมของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ในระยะหลังจึงมาใช้หอประชุมของคุรุ
สภา ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและ
ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวปราศัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า "ที่อยากเสนอ
ในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า
"วันครู"ควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระ
คุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิด
เกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝาก
ที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"
จากแนวความคิดนี้ กอรปกับคว่ทคอดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆที่ล้วน
เรียกร้องให้มี"วันครู"เพื่อให้เป็นการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงาม
ความดีเพื่แประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้
พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มี "วันครู" เพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป
โดยได้เสนอในหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรม
ระหว่างครู และเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอีนดีระหว่างครูกับประชาชน ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวัน
ที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปีเป็น"วันครู"โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราช
บัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 เป็นวันครูและให้กระทรวงศึกษาธิการสั่ง
การให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้ การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวัน
ที่ 16 มกราคม 2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน
งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือ
หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ
การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลา
ในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ดังนี้
1.กิจกรรมทางศาสนา
2.พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
3.กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู สา่วนมากจะเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริง

ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้กำหนดให้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุ
สภา โดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครูซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วยบุคคลหลาย
อาชีพร่วมกันเป็นผู้จัดสำหรับส่วนภูมิภาคให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้น
เช่นเดียวกันกับส่วนกลางจะรวมกันจัดที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็ได้ รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง(หอ
ประชุมคุรุสภา) พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประธานอำนวยการคุรุสภา
คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการจัดงานวันครู พร้อมด้วยครูอาจารย์และประชาชนร่วมกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 1,000 รูป หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธีในหอประชุมคุรุ
สภา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ นายกรัฐมนตรีจุดธูปเทียน
บูชาพระรัตนตรัย ประธานฝ่ายสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานต่อนายก
รัฐมนตรี เสร็จแล้วพิธีบูชาบูรพาจารย์โดยครู"อาวุโส"นอกประจำการจะเป็นผู้กล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึก
ถึงพระคุณบูรพาจารย์ ดังนี้

ปาเจราจริยา โหนติ คุณุตตรานุสาสกา(วสันตดิลกฉันท์) ประพันธ์ โดยพระวรเวทย์พิสิฐ(วรเวทย์ ศิวะศรียานนท์)
ข้าขอประนมกรกระพุ่ม
อภิวาทนาการ
กราบคุณอดุลคุรุประทาน
หิตเทิดทวีสรร
สิ่งสมอุดมคติประพฤติ
นรยึดประคองธรรม์
ครูชี้วิถีทุษอนันต์
อนุสาสน์ประภาษสอน
ให้เรืองและเปรื่องปริวิชาน
นะตระการสถาพร
ท่านแจ้งแสดงนิติบวร
ดนุยลอุบลสาร
โอบเอื้อและเจือคุณวิจิตร
ทะนุศิษย์นิรันดร์กาล
ไป่เบื่อก็เพื่อดรุณชาญ
ลุฉลาดประสาทสรรพ์
บาปบุญก็สุนทรแถลง
ธุระแจงประจักษ์แจ้งครัน
เพื่อศิษย์สฤษดิ์คติจรัล
มนเทิดผดุงธรรม
ปวงข้าประดานิกรศิษย์
(ษ)ยะคิดระลึกคำ
ด้วยสัตย์สะพัดกมลนำ
อนุสรณ์เผดียงคุณ
โปรดอวยสุพิธพรเอนก
อดิเรกเพราะแรงบุญ
ส่งเสริมเฉลิมพหุลสุน
ทรศิษย์เสมอเทอญ ฯ
ปัญญาวุฒิกเรเตเต ทินโนวาเท นมามิหัง จากนั้นประธานจัดงานวันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ครูอาวุโสประจำการนำผู้เข้าร่วมประชุมกล่าวคำปฏิญาณดังนี้
ข้อ 1.ข้าฯจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ข้อ 2.ข้าฯจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ 3.ข้าฯจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
จบแล้วพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและในประจำการสุดท้ายกล่าวคำปราศัยและให้โอวาทแก่ครูที่มาประชุม จรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู

1.07.2552

สอบสัมภาษณ์อย่างไรให้ผ่านฉลุย!!

แต่งกายดี มีชัยไปกว่าครึ่ง..
สนามสอบสัมภาษณ์ทุกสนามสอบ เขาจะต้อนรับเฉพาะคนที่แต่งกายเรียบร้อยเท่านั้นครับ.. เรียบร้อยที่นี้ก็คือ เครื่องแบบนักเรียนมีมาแบบไหน ก็ให้แต่งตามนั้นเลย.. อาจารย์ที่มาสัมภาษณ์ในระดับมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ท่านจะเป็นถึงระดับหัวหน้าภาค หัวหน้าเอก หรือบางคณะเป็นท่านคณบดีมาเองเลยก็มี.. ดังนั้นให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดไว้เสมอว่า ท่าจะเอาเด็กที่แต่งกายไม่เรียบร้อยเข้าไปเรียนให้อายคณะอื่น หรือเสียชื่อสถาบันหรือไม่..
มีประสบการณ์หนึ่งที่เกี่ยวกับการแต่งกายที่ พี่ลาเต้ อยากจะเล่าให้น้องๆ ฟัง.. มีน้องนักเรียนหญิงคนหนึ่ง เขารู้สึกกลุ้มใจมากๆ หลังจากที่ไปสอบสัมภาษณ์มา เขาเล่าว่า "วันนั้นได้ใส่ชุดนักเรียนถูกระเบียบ และรองเท้าพละผ้าใบสีขาวไปสอบสัมภาษณ์ โดยเตรียมข้อมูล และตอบคำถามได้เป็นอย่างดีทุกข้อ แต่ก็มาตกม้าตายตอนคณะกรรมการถามว่า..
"เธอใส่รองเท้าอะไรมา.." หลังจากนั้นก็ถูกคณะกรรมการตำหนิว่า หากจะแต่งตัวแบบนี้ไปเรียนคณะที่เกี่ยวกับพลศึกษาดีกว่าไหม" แล้วน้องๆ รู้ไหมครับว่า น้องผู้หญิงคนนี้พอประกาศผลก็ไม่ติดในคณะนั้นนะครับ.. เขาเลยเครียดมากๆ เพราะ 10 นาทีที่เข้าไปสอบสัมภาษณ์ดีหมดทุกอย่าง จนเขาก็มั่นใจว่าผ่านแน่ๆ ประสบการณ์นี้จึงถือเป็นบทเรียน และอุทาหรณ์ที่ พี่ลาเต้ อยากมาเล่าให้ฟังก่อนที่น้องๆ หลายคนจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ครับ..
ถามมาก็ตอบไป..อย่ากวน..
ทุกอย่างคือความจริง นี่คือสโลแกนของการสอบสัมภาษณ์ครับ.. เวลาคณะกรรมการท่านถามอะไรมา ห้ามไปลองของเด็ดขาด ท่านถามว่ารู้ไหม หากเรารู้ก็ตอบว่ารู้ หากไม่รู้ ก็ตอบไปว่า "ไม่แน่ใจ" อย่าเผลอหลุดมาว่า "ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่เคยได้ยินมาก่อน" จะทำให้ภาพลักษณ์ของเราขาดการเตรียมตัวทันที..
เมื่อปีก่อนในวันสอบสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พี่ลาเต้ ก็มีโอกาสได้ไปทำข่าวที่นั้นด้วย.. ด้วยความอยากรู้ อยากเห็นเลยแว้บไปถามอาจารย์ที่เป็นหัวหน้าคณะกรรมการว่า ท่านมีวิธีในการคัดเลือกเด็กจากการสอบสัมภาษณ์อย่างไร ซึ่งท่านก็ตอบมาน่าสนใจมากๆครับว่า.. "การสอบสัมภาษณ์รับตรง และยากกว่าการสอบสัมภาษณ์แอดมิชชั่น เพราะแอดมิชชั่นหากผ่านข้อเขียนแล้วน้อยมากที่จะโดนคัดออก เพราะคัดมาตามจำนวนอยู่แล้ว แต่หากเป็นรับตรงแล้วหละก็..บางที่ผ่านมา 50 แต่ต้องมาคัดให้เหลือแค่ 10 ซึ่งการแข่งขันจะสูงกว่ามากๆ"
"หากเด็กไม่กวนอาจารย์ ก็จะไม่ให้ตก" นี่เป็นประโยคเด็ดที่อาจารย์ท่านบอกมาครับ.. ท่านยังแอบแย้มมาด้วยว่า บางครั้งอาจารย์อาจจะมีแกล้งนิด แกล้งหน่อยด้วยวาจาให้เราโมโห หากเราควบคุมสติ และอารมณ์ได้ก็จะถือว่าผ่าน ดังนั้นตามสโลแกนเลยครับ.. เข้าไปด้วยความอ่อนน้อม ตอบคำถามด้วยความมั่นใจ และใส่ใจในท่าทีของคณะกรรมการครับ..
มีเหตุการณ์หนึ่งที่อยากจะเล่าให้น้องๆ ฟังเกี่ยวกับการสอบสัมภาษณ์ของ นักเรียนชายของโรงเรียนชื่อดังคนหนึ่งครับ.. ได้ไปสอบสัมภาษณ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะกรรมการสัมภาษณ์ได้เอ่ยคำถามแรกโดยขอดูมือนักเรียนชายคนนั้น.. พร้อมกลับพูดเล่นๆมาว่า "มือสั้นนะ..จะเรียนได้เหรอ.." ด้านนักเรียนชายคนนั้นสวนกลับมาทันทีครับว่า "ถึงผมมือสั้น..ผมก็สามารถชกปากคนที่ดูถูกผมได้ครับ.." เท่านั้นแหละครับ.. ไม่มีการสัมภาษณ์ต่อ และนักเรียนคนนั้นก็ไม่ได้มาเหยียบมหาวิทยาลัยแห่งนั้นอีกเลย..